Plastic หรือ Paper กับการพิทักษ์สิ่งแวดล้อม ?
ขยะพลาสติกล้นโลกยังคงเป็นปัญหาสำคัญที่ทั่วทุกประเทศต่างให้ความสำคัญ ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เราได้เห็นทั้งโครงการที่จะยกเลิก ลด และ แทนที่บรรจุภัณฑ์พลาสติกด้วย bio-degradable ต่าง ๆ น่าเสียดายที่ โควิด-19 ทำให้หลาย ๆ โครงการงดแจกถุงพลาสติกต้องถูกเลื่อนออกไป ด้วยเหตุผลทางด้านสุขภาวะอนามัย แต่ถึงกระนั้น เราก็ยังเห็นการพยายามลดการใช้พลาสติก เช่น การที่ร้านอาหารดังหลาย ๆ ร้านเปลี่ยนมาใช้ถุงกระดาษ หลอดกระดาษ รวมถึง Bio-plastic แทนถุงพลาสติก หลอดพลาสติก ผ่านบทความนี้ เราจะพาทุกคนไปสำรวจว่าจริง ๆ แล้วการใช้วัสดุทดแทนพลาสติกเหล่านี้ ดีต่อโลกกว่า จริงหรือไม่?
เพื่อที่จะเปรียบเทียบข้อดี ข้อเสียของวัสดุต่าง ๆ ให้ครบรอบด้าน เราจำเป็นที่จะต้อง วิเคราะห์วงจรชีวิต (A Life Cycle Analysis) เพื่อที่จะเข้าใจปริมาณพลังงาน ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งในขั้นตอนการผลิต ไปจนถึงการทำลาย ผลกระทบในที่นี้ยังรวมถึงผลที่เกิดจากการแปรสภาพวัสถุต้นทาง การขนส่ง แจกจ่ายไปยังร้านค้า การความสามารถที่จะถูกใช้ซ้ำ และ รีไซเคิลอีกด้วย
บรรจุภัณฑ์แบบไหนดี ?
Plastic - กระบวนการผลิตพลาสติก เริ่มจากเหมืองพลาสติก พลาสติกเกิดจากส่วนประกอบหลักคือ แก๊สธรรมชาติ และ ปิโตรเลียม วัสดุดิบเหล่านี้จะต้องถูกนำไปปรับเปลี่ยน และ เข้ากระบวนการเปลี่ยนแปลงเป็นสารโพลีเมอร์ พลาสติกส่วนมากทำจาก โพลีเอทิลีน (HDPE ) ผ่านความร้อนกลายเป็นแผ่นฟิล์มพลาสติก ที่ยืด และ ถูกตัดเพื่อที่นำมาขึ้นรูปเป็นถุงพลาสติกที่ส่งขายกันทั่วโลก
กว่าจะออกมาเป็นถุงพลาสติก เราต้องใช้พลังงานเป็นอย่างมากทั้งในการผลิตและขนส่ง ซึ่งสวนทางกับอายุของถุงพลาสติกที่คนมักจะใช้เพียงแค่ หนึ่งถึงสองครั้งแล้วก็ทิ้ง The Wall Street Journal ได้ทำผลสำรวจกว่า คนอเมริกันใช้และทิ้งถุงพลาสติกมากถึง 100,000,000 ใบต่อปี และมีเพียง 5 % เท่านั้นที่ถูกนำมาไป recycle อย่างถูกต้องเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่
Paper - กระบวนการผลิตกระดาษ เริ่มจากการตัดต้นไม้ ไม้ซุงจะถูกเคลื่อนย้ายไปที่โรงโม่และอยู่นั่นเฉลี่ย 3 ปีเพื่อรอแห้ง จากนั้นจึงจะเข้าสู่กระบวนการทำกระดาษผ่านความร้อน แรงดัน กรดกำมะถัน ถูกชำระล้างด้วยน้ำ และ ฟอกสีเพื่ออัดเป็นกระดาษ กระบวนการผลิตกระดาษก่อให้เกิดพิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมลพิษทางน้ำ และ อากาศ
ดูเหมือนว่าการใช้กระดาษแทนพลาสติกเพื่อรักโลกนั้น จะกลายเป็นเพียงความเชื่อ The American Chemistry ได้ทำการศึกษาในปี 2014 เพื่อเปรียบเทียบถุงพลาสติดยืด (HDPE) กับถุงกระดาษที่มีส่วนประกอบ 30% เป็นไฟเบอร์ที่สามารถ recycle ได้ The American Chemistry พบว่าถุงพลาสติกใช้เชื้อเพลิง และ น้ำน้อยกว่าในกระบวนการผลิต อีกทั้งก่อให้เกิดแก๊สเรือนกระจก ฝนกรด น้ำเสียน้อยกว่ากระดาษอีกด้วย การศึกษานี้คำนึงถึงความสามารถในการรับน้ำหนักที่ต่างกันของทั้งสองวัสดุ ที่กระดาษอาจรับน้ำหนักได้มากกว่า
กล่าวคือ การเปรียบเทียบนี้ใช้ถุงพลาสติก 1,500 ใบ ต่อถุงกระดาษ 1,000 ใบ พลาสติกใช้พลังงานฟอสซิลไป 14.9kg ขณะที่กระดาษใช้ไป 23.2kg พลาสติกผลิตของเสีย 7kg ในขณะที่กระดาษผลิตถึง 33.9kg ในส่วนของการปล่อยแก๊สเรือนกระจก พลาสติกปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ 0.04 tons ในขณะที่กระดาษปล่อยถึง 0.08 tons และการใช้น้ำ พลาสติกใช้ไป 58 gallons ในขณะที่กระดาษใช้ 1,004 gallons รวมพลังงานทั้งหมดสำหรับการผลิต การผลิตถุงกระดาษใช้พลังงานมากกว่าถุงพลาสติกถึง 1,859 megajoule
เราไม่ฟันธงได้ว่าพลาสติกจะดีไปกว่ากระดาษเสมอไป อีกปัจจัยที่ควรตระหนักนอกจากกระบวนการผลิต คือกระบวนการย่อยสลาย ข้อได้เปรียบของกระดาษ คือ การที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ (Bio-degradable) ซึ่งพลาสติกทั่วไปไม่สามารถทำได้ ขยะพลาสติกจะอยู่กับเราไปอีก 20 - 1,000 ปี และ ขยะชิ้นเล็ก ๆ ของพลาสติกนั้นอาจจะไหลลงแหล่งน้ำ เป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำ รวมทั้งกลายเป็นไมโครพลาสติกในอากาศอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เราจำเป็นต้องเน้นย้ำตรงนี้ว่าการย่อยสลายในธรรมชาติของกระดาษนั้นจะเกิดขึ้นได้ในสภาวะที่มีออกซิเจนเหมาะสม ซึ่งอาจไม่เกิดขึ้นได้ในบริเวณฝังกลบ
หลอดกระดาษ ดีต่อโลกแค่ไหน ?
อีกปรากฎการณ์ที่น่าสนใจ คือ การเปลี่ยนของร้านอาหารดัง จากการใช้หลอดพลาสติก มาเป็น หลอดกระดาษ แม้ว่ากระดาษจะมาสามารถย่อยสลายได้จริง แต่ไม่ใช่หลอดกระดาษที่เปื้อน และ เปียกนั้นจะย่อยสลายได้อย่างง่ายดาย UK McDonalds ออกมายอมรับว่า ทางร้านจะต้องทิ้งหลอดกระดาษทั้งหมดกว่า 1,800,000 หลอดที่ถูกใช้ทุกวันทั่วประเทศแทนที่จะนำไป recycle
การทำให้พลาสติกย่อยสลายได้ จะเป็นทางออกให้กับการใช้พลาสติก หรือไม่
ไบโอพลาสติก
Bio-plastic - ไบโอพลาสติกเกิดจากการนำพืช เช่น ข้าวโพด อ้อย หรือ สาหร่ายมาแปรสภาพให้เป็นโพลีเมอร์ โดยพืชที่เรามักได้ยินบ่อย ๆ ก็คือข้าวโพด ในปี 2014 หนึ่งส่วนสี่ของสัดส่วนธัญพืชทั้งหมดที่ปลูกในอเมริกาถูกปลูก เพื่อนำมาทำ Bio-plastic การแทนที่ของพืชเพื่อพลาสติกเหล่านี้ ทำให้สัดส่วนพื้นที่สำหรับพืชเพื่อรับประทานลดน้อยลง มีผลทำให้ราคาอาหารสูงขึ้น อีกทั้งการปลูกพืชเพื่ออุตสาหกรรมพลาสติกยังก่อให้เกิดมลภาวะอย่างมาก ข้าวโพดที่นำมาผลิตพลาสติกมักจะเป็นข้าวโพดตัดแต่งเพื่อให้ทนต่อสารเคมีที่ถูกใช้จำนวนมากในแปลงปลูก อันตรายทั้งต่อสิ่งแวดล้อม และ สุขภาพของคนงานในแปลง
จะเห็นได้วัสดุแต่ละชนิด ล้วนมีข้อเสียที่แตกต่างกัน อาจไม่มีวัสดุที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน เนื่องด้วยความต้องการใช้ และ ข้อจำกัดที่แตกต่าง ทางที่ดีที่สุดที่เราจะสามารถลดปัญหาสิ่งแวดล้อมได้ อาจะเป็น การใช้สิ่งที่เรามีอยู่แล้ว ซ้ำ ให้ได้มากที่สุด และ กำจัดให้ถูกวิธีเมื่อถึงเวลา
แหล่งอ้างอิงข้อมูล:
Columbia.Edu
CarbonPositiveAustralia.Org
Ecoenclose.com
Medium.com/Tabitha-Whiting
AmericanChemistry.com
`**ร่วมแบ่งปันสาระธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม🌳 โดย 〜
🌐 : https://bio100.co.th
ⓕ : @Bio100Percent
IG : instagram.com/bio100plus
ʟɪɴᴇ 🆔 : https://bit.ly/bio100qr